ดิจิทัลวอลเล็ต 10000 บาท จะซื้อสินค้าต้องสแกนหน้า กดรับสิทธิได้ที่แอปฯ “ทางรัฐ”

ดิจิทัลวอลเล็ต 10000 บาท จะซื้อสินค้าต้องสแกนหน้า กดรับสิทธิได้ที่แอปฯ "ทางรัฐ"

คลังกางเกณฑ์ใช้เงินหมื่น ดิจิทัลวอลเล็ต 10000 บาท ซื้อของต้องสแกนหน้าเท่านั้น ย้ำไม่ต้องยืนยันตัวตนใหม่ แค่กดรับสิทธิผ่านแอพ‘ทางรัฐ’

วันที่ 17 พ.ค.2567 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ในสัปดาห์หน้าจะเชิญสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ และธนาคารพาณิชย์ เข้ามาหารือเกี่ยวกับการเชื่อมโยงระบบในลักษณะ Open Loop เพื่อเปิดให้ Wallet ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ และธนาคารพาณิชย์ สามารถเชื่อมต่อระบบกันได้ เพื่อเปิดทางเลือกให้ประชาชนสามารถใช้รับเงินและใช้จ่ายได้ง่ายขึ้น

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้พูดคุยนอกรอบกับสถาบันการเงินทั้งหมด ซึ่งได้รับสัญญาณที่ดีในหลายๆ ประเด็น ทั้งเรื่องการเข้ามาเชื่อมโยงระบบ เพราะทุกฝ่ายมองว่า เรื่องนี้จะเป็นประโยชน์กับประชาชนให้สามารถเข้าถึงบริการของรัฐได้ง่ายขึ้น และได้รับการสนับสนุนในเรื่องนโยบายที่จะเป็นกลไกในการช่วยเหลือ เชื่อมโยงในนโยบายของรัฐที่จะเป็นประโยชน์กับทุกภาคส่วน โดยรายละเอียดทั้งหมดกำลังอยู่ระหว่างการหารือ

นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า หลักการเบื้องต้นของโครงการ คือ ประชาชนที่จะเข้าร่วมโครงการและเคยยืนยันตัวตนผ่านโครงการของรัฐแล้วไม่ต้องยืนยันตัวตนใหม่ เพราะขั้นตอนค่อนข้างใช้เวลา ดังนั้น อาจจะดึงฐานข้อมูลเก่ามาใช้ได้ แต่จะต้องยืนยันเพื่อรับสิทธิ์ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต

ดิจิทัลวอลเล็ต 10000 บาท จะซื้อของต้องสแกนหน้าทุกครั้ง

โดยประชาชนทุกคนที่จะเข้าร่วมโครงการจะต้องโหลดแอพพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ เพื่อเข้าสู่กระบวนการยืนยันการรับสิทธิ์ เช่นเดียวกันกับร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการ ที่หากเคยลงทะเบียนโครงการของรัฐไว้แล้ว ก็จะมีการดึงฐานข้อมูลเก่ามาใส่ไว้ในระบบใหม่เช่นเดียวกัน

“การยืนยันการรับสิทธิ์ ตรงนี้จำเป็น ประชาชนที่ผ่านกระบวนการยืนยันตัวตนแล้ว จะต้องโหลดแอพ ทางรัฐ เพื่อยืนยันการรับสิทธิ์” รมช.คลัง ระบุ

นอกจากนี้ ที่ประชุมอนุกรรมการดิจิทัลวอลเล็ต ยังหารือถึงเงื่อนไขในการใช้บริการภายใต้ระบบ Face to Face โดยผู้ใช้งานจะต้องไปที่ร้านค้าด้วยตัวเอง และมีการแลกเปลี่ยนสินค้าจริง โดยเป็นสินค้าที่ไม่อยู่ในกลุ่ม Negative List ต้องมีการโอนเงินในดิจิทัลวอลเล็ตจริง ณ สถานที่แลกเปลี่ยนสินค้า

ส่วนประชาชนกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงสมาร์ทโฟน หรือบางรายไม่มีโทรศัพท์มือถือเลย ได้มีการหารือถึงกลไกที่จะรองรับกลุ่มดังกล่าว โดยจะออกแบบระบบเพื่อรองรับการใช้งานผ่านบัตรประจำตัวประชาชนแทน แต่อาจจะต้องมีการหารือในรายละเอียดเพิ่มเติม

ขณะเดียวกันยังได้มอบให้สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ สพร. ไปหารือในรายละเอียดกับคณะกรรมการที่ติดตามการทุจริตของโครงการดิจิทัลวอลเล็ต อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจไซเบอร์ เพื่อออกแบบระบบและกลไกในการใช้งาน เพื่อไม่ให้มีการใช้งานที่ผิดประเภท ผิดหลักการ ซึ่งส่วนตัวได้มีการทักท้วงเรื่องการเพิ่มการระมัดระวังการสวมสิทธิ์ และการใช้งานผิดวัตถุประสงค์

“การใช้จ่ายจะต้องดำเนินการผ่านสมาร์ทโฟน แบบ Face to Face ซึ่งหลักในการป้องกันการทุจริต คือจะต้องมีการสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนก่อนซื้อของ จะฝากกันไปใช้จ่ายไม่ได้ ตรงนี้ถือว่าผิดหลักเกณฑ์ ส่วนระบบจะตรวจจับการใช้จ่ายผิดหลักเกณฑ์ หรือผิดวัตถุประสงค์ได้หรือไม่ ตรงนี้จะมีกลไกออกมารองรับแน่นอน

แต่ถามว่าจะมีการใช้ผิดประเภทหรือไม่ ผมยอมรับว่าอาจจะเกิดได้ คนอาจใช้ผิดประเภท ใช้หลบเลี่ยง แต่สิ่งเหล่านั้นผิดกระบวนการและผิดกฎหมายแน่นอน ผมเพิ่งมอบโจทย์ให้คณะกรรมการติดตามเรื่องการใช้ผิดหลักเกณฑ์ไปว่าจะต้องไปดูในรายละเอียดเกี่ยวกับการใช้สิทธิ์ทุกประเภท และจะต้องป้องกันอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดการทุจริต” นายจุลพันธ์ กล่าว

รมช.คลัง กล่าวว่า โครงการนี้เดินหน้ามาพอสมควร ได้รับฟังความเห็นของหลายหน่วยงาน และรัฐบาลเองได้กำหนดกลไกเพื่อเพิ่มความรัดกุมเพื่อป้องกันการทุจริต คอร์รัปชัน กำหนดกลไกเพื่อให้ได้รับผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มากขึ้น

ยืนยันว่าระยะเวลาการดำเนินโครงการจะเป็นไปตามเดิม คือ จะเปิดให้ประชาชนและร้านค้าลงทะเบียนได้ในไตรมาสที่ 3 และหลังจากมีความชัดเจนมากขึ้นจะมีการเร่งประชาสัมพันธ์โครงการเพื่อทำความเข้าใจกับประชาชน ขั้นตอนการดำเนินการมีอย่างไรบ้าง เช่น เรื่องการโหลดแอพพลิเคชัน การลงทะเบียน จะต้องมีการสื่อสารกับประชาชนอีกครั้ง

Comment

แนะนำสำหรับคุณ