ยธ. จับมือ กยศ. ช่วยลดภาระหนี้กู้ยืมฯ กลุ่มผู้ต้องขัง หลังพบสถิติผู้ต้องขังเป็นหนี้ กยศ. กว่า 4,000 ราย ยอดหนี้รวม 200 ล้านบาท เฉลี่ยรายละ 45,000 บาท
ยธ. จับมือ กยศ. ร่วมลงนามพักหนี้ผู้ต้องขัง
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 พ.ค. ที่ ห้องประชุม 10-09 (Auditorium) ชั้น 10 กระทรวงยุติธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อช่วยเหลือผู้กู้ยืมเงินกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงยุติธรรม ระหว่าง กรมราชทัณฑ์ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และกรมคุมประพฤติ กับ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) โดยมีนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน นายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุมประพฤติ และนายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ ในครั้งนี้ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงยุติธรรมเข้าร่วมในพิธี
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า กรมราชทัณฑ์ ภายใต้การกำกับของกระทรวงยุติธรรม มีภารกิจเกี่ยวกับการควบคุม แก้ไข และพัฒนาพฤตินิสัย ผู้ต้องขัง โดยมุ่งเน้นการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังตามหลักสิทธิมนุษยชนสอดคล้องมาตรฐานสากลและแก้ไข ฟื้นฟู พัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังอย่างมีประสิทธิภาพ โดยได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมการจัดการศึกษาผู้ต้องขัง เพิ่มโอกาสในการเรียนรู้ในระหว่างต้องโทษ ตั้งแต่ระดับผู้ไม่รู้หนังสือการศึกษาขั้นพื้นฐาน อาชีวศึกษา จนถึงระดับอุดมศึกษา เพื่อเตรียมความพร้อมในการออกไปใช้ชีวิตในสังคมภายนอก
พ.ต.อ.ทวี กล่าวต่อว่า ในปัจจุบันพบว่ามีผู้ต้องขังที่ต้องโทษและยังเป็นหนี้กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา กว่า 4,000 ราย มียอดหนี้รวมกว่า 200 ล้านบาท เฉลี่ยรายละประมาณ 45,000 บาท โดยการลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลผู้ต้องขังและผู้พ้นโทษที่เป็นหนี้ กยศ. เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการดำเนินงานตามโครงการ รวมถึงเพื่อเป็นการสนับสนุนการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับผู้ต้องขังที่เป็นหนี้ กยศ. เพื่อช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระของผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างการชำระเงินคืนให้เป็นไปตามประกาศหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างหนี้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา และตามพระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 ตลอดจนการจัดการอบรมส่งเสริมความรู้ด้านการวางแผนการบริหารจัดการการเงินให้แก่ผู้ต้องขัง เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้เทคนิคและวิธีการวางแผนจัดการเงินอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการทางการเงินได้อย่างเหมาะสม และต่อยอดไปสู่การจัดการด้านการเงินเพื่ออนาคต
พ.ต.อ.ทวี กล่าวด้วยว่า ผลจากการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ในการบริหารจัดการหนี้ให้แก่ผู้ต้องขังเพื่อช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระของผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างการชำระเงินคืน และยังจะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังได้ศึกษาต่อในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูงและระดับอุดมศึกษา ซึ่งผู้ต้องขังต้องออกค่าใช้จ่ายเอง อีกทั้งยังได้รับโอกาสเข้ารับการอบรมส่งเสริมความรู้ด้านการวางแผนการบริหารจัดการการเงิน เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้เทคนิคและวิธีการวางแผนจัดการเงินอย่างเป็นระบบ สามารถบริหารจัดการทางการเงินได้อย่างเหมาะสมและต่อยอดไปสู่การจัดการด้านการเงินเพื่ออนาคต และจะช่วยให้ผู้ต้องขังได้ลดความวิตกกังวลจากภาวะหนี้จากการกู้ยืมกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ลดภาระให้แก่ครอบครัวของผู้กู้ยืม และสร้างโอกาสทางการศึกษา อบรมและเรียนรู้ แก้ไขฟื้นฟูผู้กระทำผิดเพื่อให้ผู้พ้นโทษกลับคืนสู่สังคมได้อย่างยั่งยืนต่อไป.
Comment