เผยความเสียหาย ไฟไหม้โรงแรมดังเกาะช้าง คาด3วันคุมเพลิงได้ พบเจ้าของเคยขายพันล้าน

ไฟไหม้โรงแรมเรือร้าง เกาะช้าง

เผยความเสียหาย ไฟไหม้โรงแรมเรือร้าง เกาะช้างแกรนด์ลากูน่า จ.ตราด คาด 3 วันคุมเพลิงได้หมด พบเจ้าของเคยประกาศขายราคาพันล้าน

วันที่ 3 ธ.ค. 2567 พ.ต.อ.วัลลภ กังธาราทิพย์ ผกก. สภ.เกาะช้าง จ.ตราด รับแจ้งว่าที่บริเวณโรงแรมเรือร้าง (เกาะช้างแกรนด์ลากูน่า) หมู่1 บ้านบางเบ้า ต.เกาะช้างใต้ อ.เกาะช้าง จ.ตราด ได้เกิดเพลิงไหม้ บริเวณท้ายเรือและกำลังลุกไหม้อย่างรุนแรงขอให้ส่งพนักงานสอบสวนเดินทางมาตรวจสอบ

หลังจากทราบข่าว ผกก. สภ.เกาะช้างประสานงานกับทาง นายจักรกฤษ สลักเพชร นายกเทศบาลตำบลเกาะช้างใต้ และรายงานไปยังนายอำเภอเกาะช้าง นายนริศ ปาลกวงศ์ ณ อยุธยา เพื่อเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมประสานรถดับเพลิงของทางเทศบาลตำบลเกาะช้างใต้ เพื่อเดินทางไปช่วยดับเพลิงเนื่องจากระยะทาง ห่างไกลจากพื้นที่และอยู่บริเวณท้ายเกาะช้าง

นายจักรกฤษ กล่าวว่า สถานการณ์เพลิงไหม้มีความรุนแรงมากกว่าที่ได้รับรายงานรถดับเพลิงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกว่า 50 คน ต่างระดมการช่วยเหลือ แต่ไม่สามารถที่จะดับเพลิงที่มีความรุนแรงได้ เนื่องจากเพลิงได้ลุกไหม้จากชั้นล่างไปยังชั้นบนคือชั้นที่ห้าและกำลังลุกลามจากท้ายเรือไปยังหัวเรือ ซึ่งมีความเสียหายไปแล้วเกือบ 50%

นอกจากนี้ยังมีลมพัดกระโชกแรงบริเวณที่เกิดเหตุอย่างต่อเนื่องทำให้เพลิงลุกไหม้รุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยในเวลา 13:45 น. ได้ประเมินสถานการณ์ร่วมกับนายอำเภอเกาะช้าง ผู้นำท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้างแล้ว น่าจะไม่สามารถที่จะดับเพลิงให้ดับลงได้

เนื่องจากไฟไหม้รุนแรงมากเกินไป รวมทั้งโรงแรมเรือร้างแห่งนี้เป็นไม้ที่มีสภาพที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้ไม่สามารถที่จะดับเพลิงได้ จึงทำได้แต่เพียงควบคุมเพลิงไว้ไม่ให้ลุกลามไปยังบริเวณข้างเคียง คาดว่าทั้งหมดจะดับลงในเวลา 3 วัน

ในส่วนของความเสียหายยังไม่สามารถประเมินได้ต้องรอหารือกับทางผู้บริหารหรือเจ้าของคือ นายโอฬาร อัศวฤทธิกุล ซึ่งอยู่ระหว่างการประสานงาน ในส่วนของนักท่องเที่ยวที่เข้าไปชมโรงแรมเรือนี้ทราบว่าระหว่างเกิดเหตุไม่มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปชมแต่อย่างใด

สำหรับโรงแรมเดอะร้างแห่งนี้นายโอฬาร อัศวฤทธิกุล ที่เป็นนักลงทุนอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรีได้นำไปประกอบธุรกิจที่กรุงพนมเปญประเทศกัมพูชาเมื่อ 40 ปีที่ผ่านมา แต่หลังจากสถานการณ์ภายในประเทศกัมพูชามีความไม่น่าไว้วางใจ จึงได้ถอนการลงทุนและมาซื้อที่ดินบริเวณบ้านบางเบ้าติดกับคลองกลอยและนำเรือลำนี้ที่เป็นเรือที่มีห้องพัก สามารถรับนักท่องเที่ยวให้มาพักผ่อนได้

พร้อมลงทุนทำโรงแรมที่เรียกว่าโรงแรมเรือหรือโฟร์ติ้ง Hotel และเปิดบริการให้กับนักท่องเที่ยวมาตั้งแต่ปี 2535 ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามสภาพธุรกิจที่ไม่ไม่ดีในหลายปีก่อนทำให้นายโอฬารบาฤทธิกุลเคยประกาศขายธุรกิจที่พื้นที่แห่งนี้ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตามยังไม่มีการซื้อขายอย่างเป็นทางการ

Comment

แนะนำสำหรับคุณ