นายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ “ทนายตั้ม” และนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาของทนายตั้ม เปิดเผยถึงสาเหตุที่ศาลอาญาปฏิเสธการประกันตัวว่า เกิดจากความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานในคดี ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงต้องสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องอีก 8-10 ปาก เมื่อการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว จึงมีแผนจะยื่นขอประกันตัวอีกครั้ง
นายสายหยุด กล่าวว่าการยื่นขอประกันตัวครั้งแรกทำได้ค่อนข้างกะทันหัน จึงไม่มีเวลาเตรียมหลักฐานที่เพียงพอ จึงต้องรอบคอบในการเตรียมข้อมูลและปรึกษากับครอบครัวของทนายตั้มในการยื่นขอครั้งต่อไป ทั้งนี้ยอมรับว่าการขอยื่นประกันตัวหลายครั้งมีผลต่อการพิจารณาของศาล ทำให้ยื่นขอใหม่ได้ยากขึ้น นอกจากนี้ ทนายสายหยุดยังระบุว่า ทนายตั้มเข้าใจสถานการณ์และยอมรับสภาพชั่วคราว โดยได้เตรียมใจไว้แล้ว พร้อมให้กำลังใจภรรยาว่าจะต้องปรับตัวเข้ากับสภาพการอยู่ในเรือนจำให้ได้ในช่วงนี้
ทั้งนี้ นายสายหยุด เปิดเผยว่า ในวันที่ 11 พ.ย. 67 จะเข้าเยี่ยมทนายตั้มและภรรยา พร้อมนำอุปกรณ์ของใช้ส่วนตัว เช่น เสื้อผ้า ถุงเท้า แป้ง และของใช้ที่เรือนจำอนุญาตให้ฝากเข้าไป เพื่อความสะดวกสบายเบื้องต้น ทั้งนี้ทนายตั้มไม่ได้ร้องขอสิ่งของพิเศษเพิ่มเติม
ทนายสายหยุดยอมรับว่า ทั้งตนเองและทนายตั้มรู้สึกกังวลเกี่ยวกับคดีนี้ เนื่องจากเป็นคดีใหญ่ที่สังคมให้ความสนใจสูง อย่างไรก็ตาม ทนายยังเชื่อว่ามีข้อต่อสู้คดี โดยจะนำหลักฐานไปชี้แจงว่าข้อกล่าวหาเรื่องฉ้อโกงอาจเป็นเพียงการผิดสัญญา ซึ่งต่างจากกรณีฉ้อโกงทั่วไป
ด้านนายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความของ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือ “เจ๊อ้อย” เปิดเผยถึงกรณีทนายตั้มพร้อม ภรรยา ถูกจับกุมในคดี 71 ล้านบาท ว่า เมื่อวานนี้ตนได้เดินทางไปคัดค้านการประกันตัว ซึ่งศาลก็ไม่อนุญาตให้ประกันตัว ก่อนนำตัวทั้งคู่เข้าเรือนจำไป
ทั้งนี้ทางฝั่งของเจ๊อ้อยก็ยังยืนยันว่าเงินจำนวน 71 ล้านบาทนั้น เป็นเงินที่ถูกหลอกลงทุนไม่ใช่เงินที่ให้โดยเสน่หาแต่อย่างใด แต่ในส่วนของนายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายของผู้ต้องหา ที่ก่อนหน้านี้มีการให้ข้อมูลกับสื่อว่าทางเจ๊อ้อยให้เงินมาเพื่อลงทุน ไม่ได้เป็นการหลอกนั้น ก็เป็นสิทธิของฝั่งผู้ต้องหา ก็ต้องไปสู้คดีกันในชั้นศาล
ส่วนกรณีของเงินจำนวน 39 ล้านบาท ตำรวจจะเรียกทั้งนุและสารินีให้ข้อมูลหรือไม่นั้น ตนยังไม่ทราบรายละเอียดในเรื่องนี้ ว่าตำรวจจะมีการเรียกเข้ามาสอบช่วงไหน วันไหน เวลาไหน ซึ่งขณะนี้ตัวเจ๊อ้อยเองยังอยู่ที่ประเทศไทย และพร้อมที่จะสู้คดีไม่ยอมความอย่างแน่นอน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าภายหลังจากที่ทั้งคู่ถูกคุมตัวเข้าเรือนจำ ทางตัวเจ๊อ้อยได้มีท่าทีอย่างไรบ้าง ทนายสมชาติ กล่าวว่า ก็ไม่ได้มีท่าทีหรือแสดงออกอะไร เพราะรายละเอียดได้ให้กับทางตำรวจไปหมดแล้ว โดยยืนยันว่าเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด
ส่วนเรื่องการยึดทรัพย์ทนายตั้ม นายวิทยา นีติธรรม โฆษกประจำสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ตอนนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกับตำรวจกองปราบฯ ในการตรวจสอบเส้นทางการเงินของทนายตั้มและภรรยา ซึ่งเบื้องต้นตอนนี้ ปปง. ยังไม่ได้ดำเนินการยึดอายัดทรัพย์ใคร ส่วนที่ตำรวจไปยึดและเข้าค้นบ้านของทนายตั้มนั้น เป็นอำนาจที่ตำรวจทำได้ในการยึดของกลางมาตรวจสอบ แต่จะนำไปสู่การขยายผลทางเส้นทางการเงินหรือไม่นั้น นายวิทยา บอกว่าตอนนี้ขอทำงานร่วมกับกองปราบก่อน
Comment