พ.ต.อ. โต้ไม่เกี่ยว ดิไอคอน รับตั้งใจแต่งเครื่องแบบขึ้นเวที พ้อทำไม่สำเร็จเลยเลิก

พ.ต.อ.สมคิด สาวิสัย

พ.ต.อ. โต้ไม่เกี่ยว ดิไอคอน รับตั้งใจแต่งเครื่องแบบขึ้นเวที ยันไร้เจตนาทำภาพลักษณ์ตำรวจเสียหาย พ้อทำไม่สำเร็จตามที่ตั้งเป้า แค่ 1 ปีก็เลิก

วันที่ 24 ต.ค. 2567 พ.ต.อ.สมคิด สาวิสัย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระบุรี ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ เปิดใจหลังให้ข้อมูลกับตำรวจสอบสวนกลาง กรณีแต่งกายเครื่องแบบข้าราชการตำรวจ ขึ้นไปพูดบนเวทีแห่งหนึ่ง ซึ่งปรากฏภาพด้านหลังเวทีมีคำว่า THE ICON เชื่อมโยงกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด

พ.ต.อ.สมคิด กล่าวว่า วันนี้ได้เข้ามาชี้แจงรายละเอียดและข้อเท็จจริงแล้ว ซึ่งยืนยันได้ว่า ตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับดิไอคอนกรุ๊ป แต่ตนทำธุรกิจกับบริษัท เจอเนสส์ โกลบอล และเป็นแค่สมาชิก ไม่ได้เป็นบอส ซึ่งเจอเนสส์เป็นแบรนด์ของอเมริกาที่ทำธุรกิจขายตรง ตนเป็นแค่สมาชิกคนหนึ่งที่ไปขายไปทำการตลาด เหมือนกับการซื้อมาขายไป ไม่ใช่ลูกทีม แต่เป็นสมาชิกของเจอเนสส์ปกติ ซึ่งย้ำว่าไม่ได้เกี่ยวกับดิไอคอน

พ.ต.อ.สมคิด กล่าวต่อว่า คลิปที่ปรากฏเป็นเหตุการณ์ช่วงประมาณปี 2559-2560 หรือประมาณ 6-7 ปีแล้ว ตอนที่ขึ้นไปพูดตนทำอยู่เจอเนสส์ มาประมาณ 4-5 เดือนแล้ว เวทีที่ตนขึ้นไปพูดก็ไม่ได้เกี่ยวกับดิไอคอน เพราะในช่วงนั้นดิไอคอนก็เป็นสมาชิกของบริษัท เจอเนสส์ โกลบอล เหมือนกับตนที่เป็นสมาชิกทั่วๆ ไป เมื่อบริษัทเจอเนสส์มีการจัดงานสัมมนา ใครที่เป็นสมาชิกของบริษัทเจอเนสส์ก็จะเข้าไปร่วมฟังสัมมนาในการให้ความรู้ เพื่อเอามาเป็นข้อมูลในการไปหาลูกค้า

พ.ต.อ.สมคิด กล่าวอีกว่า ตอนนั้นดิไอคอนไม่ได้เป็นเจ้าของแบรนด์อะไร เขาก็เป็นสมาชิกของเจอเนสส์ที่มาทำการตลาดเท่านั้น ส่วนสคริปต์ที่พูดถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นสคริปต์ที่ตนพูดเอง ไม่มีใครเขียนให้ และเป็นการพูดตามความรู้สึกว่ามันดี ตำรวจก็มีอะไรดี แต่ก็อยากหาอาชีพเสริม ซึ่งเจตนาของตนเป็นแบบนี้ ไม่ได้มีเจตนาที่จะไปก้าวล่วงหรือลบหลู่อะไรใคร แค่อยากทำให้เห็นว่าตำรวจก็ทำอาชีพเสริม และประกอบอาชีพที่สุจริตได้

“เครื่องแบบตำรวจที่ใส่ไปเป็นการตั้งใจที่ใส่ไปเพื่อให้คนทั่วไปที่อยู่ในทีม อยู่ในกลุ่มเฉพาะที่มีการเรียนรู้กัน เพื่อบอกว่าผมเป็นตำรวจผมยังทำได้ ไม่ได้ตั้งใจใส่เพื่อการสาธารณะ และไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสียหายหรือเพื่อไปทุจริต หรือไปทำให้ภาพลักษณ์เสียหาย ผมมั่นใจว่าผมเป็นตำรวจที่ทำอาชีพที่ถูกต้องและพี่น้องประชาชน หรือคนที่อยากทำก็ทำได้ เพราะเจอเนสส์ ตอนนั้นมันถูกต้องตามกฎหมาย”

พ.ต.อ.สมคิด ยอมรับว่า ตอนที่ทำอยู่เจอเนสส์ ซื้อแพ็กเกจไปประมาณ 45,000 กว่าบาท มีการขายสินค้าแบบซื้อและขายไป มีสินค้าหลายอย่างที่ขายดี ทั้งเซรั่ม กาแฟ ซึ่งภาพรวมที่ทำแล้วก็ไม่ได้อะไรมาก เพราะทำไม่สำเร็จ ไม่ได้ตามแนวทางที่เรากำหนด เนื่องจากไม่ได้ทำง่ายๆ แม้ได้กำไรกลับมาบ้าง แต่ก็มีค่าใช้จ่ายพวกค่าโฆษณา ตนทำอยู่แค่ 1 ปี ก็ออกมาจากธุรกิจนี้

พ.ต.อ.สมคิด กล่าวอีกว่า เหตุผลที่ออกมาจากธุรกิจ เพราะตนก็มีงาน ที่สำคัญคือธุรกิจก็มีเวลาของมัน จะเหมาะกับเราตอนไหน หรือไม่เหมาะแล้วไปต่อไม่ได้ ก็หางานใหม่ เปลี่ยนงาน ไม่ได้มีปัญหาอะไร ส่วนการติดต่อให้ขึ้นเวทีก็เป็นทีมงานติดต่อกัน ยืนยันว่าไม่เคยรู้จักบอสพอล ไม่เคยเจอด้วย

ส่วนบอสของดิไอคอนทั้ง 18 คนที่เป็นผู้ต้องหา ในวันที่เข้าไปพูดในงานสัมมนาเคยเจอบ้างหรือไม่นั้น พ.ต.อ.สมคิด บอกว่า ตนเองจำไม่ได้ เพราะวันนั้นก็ไปไม่นานและไม่ได้รู้จักใคร หลังจากที่เป็นข่าวก็ เครียดเป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นเรื่องที่เราไม่ได้ทำผิดอะไร แต่ถูกนำมาโยงกับเรื่องที่เป็นกระแสข่าวพอดี เลยทำให้เสียความรู้สึกนิดหนึ่ง แต่ข้อเท็จจริงก็คือข้อเท็จจริง

พ.ต.อ.สมคิด กล่าวต่อว่า วันนี้ตนได้ชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้วว่าตนเข้าไปเกี่ยวข้องในลักษณะแบบไหน ดังนั้น ก็ขอให้ข้อเท็จจริงและความจริงได้ปรากฏ ตนไม่ได้มีเจตนาจะไปเอาผิดใคร แค่อยากให้ทุกคนเข้าใจความจริงก็โอเคแล้ว วันนี้ตนก็รู้สึกดีใจที่มีโอกาสเข้ามาพูดในสิ่งที่เป็นความจริงให้ทุกท่านได้เข้าใจ ส่วนที่ ตำรวจ ปปป. จะเรียกเข้ามาให้ปากคำวันที่ 26 ต.ค. นั้น ตนก็พร้อมที่จะเข้าไปให้ข้อมูล

Comment

แนะนำสำหรับคุณ