“ลุงสว่าง พลทะมัย” ชายผู้อุทิศชีวิตเพื่อสุนัขจรจัด เสียชีวิตแล้วในเพิงพักกลางป่า ตำรวจเร่งแจ้งญาติมารับศพไปประกอบพิธี
วันที่ 7 ต.ค.67 เมื่อเวลา 18.00 น. พ.ต.ต.พรชัย เหลือผล สารวัตรสอบสวน สภ.พลูตาหลวง รับแจ้งจาก น.ส.ศิตา ทองดี อายุ 56 ปี ขอให้ตรวจสอบบริเวณป่า ท้ายซอยสัตหีบสุขุมวิท 109 พื้นที่หมู่ 6 ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ว่าได้มีกลิ่นเน่าเหม็น รุนแรง จึงประสานขอรับการสนับสนุน หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนะธรรมสถานสัตหีบ ร่วมตรวจสอบ
จากการตรวจสอบภายในป่าพบว่า ถูกสร้างเป็นเพิงพัก มีทั้งซากรถจักรยานยนต์เก่า เครื่องครัว และสิ่งของมากมาย วางกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ ที่บนเก้าอี้นอนพบศพ นายสว่าง พลทะมัย หรือ ลุงสว่าง อายุ 67 ปี สภาพแห้งส่งกลิ่นเน่าเหม็น เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 5 วัน ไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกาย หรือถูกฆาตกรรม
สอบถาม น.ส.ศิตา ผู้แจ้งเล่าว่า ผู้ตายได้มาขออาศัยที่ของชาวบ้านในละแวก สร้างเพิงพักใช้ชีวิตอยู่กับสุนัขจรจัด ประมาณ 5 ตัว ในทุกวันจะปั่นจักรยาน หรือไม่ก็ขี่รถจักรยานยนต์ ออกไปขอเศษอาหารจากตามร้าน เพื่อนำมาเลี้ยงสุนัขจรจัด ก่อนจะหายหน้าหายตาไปประมาณ 8 วัน จนกระทั่งมีกลิ่นเน่าเหม็นรุนแรง โชยออกมาจากบริเวณที่พักลุงสว่าง จึงแจ้งตำรวจ และหน่วยกู้ภัยมาทำการตรวจสอบ จนพบว่า เสียชีวิตแล้วดังกล่าว
ด้าน พ.ต.ต.พรชัย เหลือผล หลังเกิดเหตุ ได้ให้หน่วยกู้ภัยนำร่างลุงสว่าง ส่งชันสูตรยังโรงพยาบาลสัตหีบกม.10 พร้อมติดตามหาญาติให้มารับศพไปบำเพ็ญกุศล ส่วนสาเหตุการเสียชีวิต สันนิษฐานว่า อาจเกิดจากโรคประจำตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “ลุงสว่าง” เดิมทีเป็นชายที่ใช้ชีวิตอยู่กับควันไฟ จากการหุงต้มด้วยถ่าน จะนำจักรยานมาดัดแปลงต่อเป็นคันยาว เพื่อให้สุนัขจรจัดที่ตนเองได้ชุบเลี้ยงไว้ นั่งติดรถไปด้วยเวลาออกไปขออาหารจากผู้ใจบุญ
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 ลุงสว่างได้ตกเป็นข่าวโด่งดัง ในฐานะผู้ที่อุทิศชีวิตที่เหลือ เพื่อสุนัขจรจัด เพราะทำงานรับจ้างมาได้เท่าไหร่ ก็จะนำเงินไปซื้ออาหารมาเลี้ยงสุนัขจรจัด ที่ชุบเลี้ยงไว้อยู่ประมาณ 50 ตัว จนทำให้ลุงสว่าง ถูกตั้งฉายาว่า “ปั่นต่อชีวิต” จนมาถึงวันนี้ รวมระยะเวลายาวนานถึง 9 ปี ลุงสว่างก็ยังอุทิศชีวิตเพื่อสุนัขจรจัด จนวาระสุดท้ายของชีวิต
ส่วนในที่เกิดเหตุไม่พบสุนัขจรจัดแม้แต่ตัวเดียว สันนิษฐานว่า เมื่อลุงสว่างเสียชีวิตแล้ว สุนัขจึงไม่มีอาหารกิน ต้องดิ้นรนชีวิตออกไปหาอาหารเพื่อความอยู่รอด.
Comment